เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็อยากเป็น Blogger เพราะนอกจากจะได้ทำในสิ่งที่ชอบแล้ว บางทียังสามารถทำเงินได้อีก

เรามาแกะสูตรสำเร็จจาก Blogger ที่ประสบความสำเร็จมาให้ดูว่า ก่อนที่เขาจะเริ่มทำ Blog จริงๆ จังๆ เขาต้องเตรียมอะไรบ้าง

คิดให้เสร็จว่าเราจะเล่าเรื่องอะไรใน Blog ของเรา ที่สำคัญทำไมคนอ่านต้องมาอ่านเรา เหตุผลที่เขาจะต้องอ่านเราคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น

อยากทำ blog รีวิวเรื่องเที่ยว แต่พอมองดูรอบๆ เว็บหรือเพจรีวิวเที่ยวเต็มไปหมด ถ้าเราทำแค่ออกไปเที่ยว แล้วรีวิวว่าสนุกจัง เดินทางยังไง ใช้เงินเท่าไร ก็คงจะเป็นกลุ่มที่ Blog ร้าง เขียนเอง อ่านเองแน่นอน 

จุดคิดง่ายๆ คือ เหตุผลที่เขาจะต้องอ่านเราคืออะไร ถ้าตอบคำถามนี้ได้ดังแน่นอน

กลุ่มคนอ่านเป็นใคร ห้ามตอบว่าทุกคน ขอยกตัวอย่าง Blog ท่องเที่ยวอีกที เพราะถึงแม้เป็น Blog ที่รีวิวเรื่องเที่ยวเหมือนกัน คนอ่านก็ไม่เหมือนกัน

อย่าลืมว่าคนชอบเที่ยวมีทั้งชอบเที่ยวลุยธรรมชาติ ชอบเที่ยวหรูหราไฮโซ ชอบแบบไปเป็นครอบครัว ชอบแบกเป้ลุยเดี่ยว เยอะมากกกก เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่เลือกคนอ่านให้ชัดเจนแต่แรก แล้วเขียนออกมากลางๆ เราก็จะได้คนอ่านกลางๆ จางๆ ไม่ชัดเจนซักกลุ่ม

ในระยะยาวถ้าคอนเทนต์เราไม่ชัดเจน คนอ่านก็ไม่มีขาประจำ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่า Blog เราเป็นทางของเขาไหม และสุดท้ายสปอนเซอร์ก็ไม่เข้า เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าคนติดตามเราเป็นใครเหมาะกับสินค้าเขาไหม นี้คือความสำคัญของการเลือกกลุ่มคนอ่าน

Character ต้องชัด ซึ่งรวมไปถึง Theme การออกแบบต่างๆ หลังจากมีกลุ่มเป้าหมายแล้ว เรามาออกแบบบุคลิกของเราว่าเราจะคุยกับกลุ่มคนอ่านนี้ด้วยบุคลิกแบบไหน

เหตุผลคือเพื่อให้เขาจำ Blog เราได้ ให้เขามีภาพจำของเราว่าถ้าสำนวนแบบนี้ ใช้สีแบบนี้คือ Bloger คนนี้แน่นอน 

สำหรับเรื่องชื่ออันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดอีกเรื่องที่เราควรมาใช้เวลาคิดกับมัน ชื่อ Blog ควรเป็นชื่อที่เรียบง่าย จำง่าย 

ยกตัวอย่าง Blogger หลายท่านก็ใช้ชื่อตัวเองเลยในการตั้งชื่อ Blog ซึ่งมันก็ดูเป็นกันเองกับคนอ่านดี อารมณ์เหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง

หรือจะใช้สิ่งที่ Blog เรารีวิวมาตั้งชื่อ Blog ก็ตรงไปตรงมา เข้าถึงคนอ่านได้ง่ายเหมือนกัน

เลือกช่องทางเผยแพร่ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกเยอะแยะมาก แนะนำว่าควรเลือกทางที่ตัวเองถนัดก่อน

แต่ไม่ว่าจะถนัดทางไหนสิ่งที่แนะนำว่าต้องทำก็คือ Website ค่ะ เพราะทุกช่องทาง Social Media ที่ยกตัวอย่างมาเปรียบเสมือนบ้านเช่าที่เราไปขออาศัยเขาอยู่ วันไหนเขาจะปรับกฎอะไร เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งยอมรับชะตากรรม

ต่างจาก website ที่เรามีฐานะเหมือนเจ้าของมากกว่า เพราะฉะนั้นหากเรารักจะทำคอนเทนต์ รีวิวสิ่งต่างๆ อย่าลืมทำเว็บไซต์เป็นบ้านให้คอนเทนต์เหล่านั้นอยู่ถาวร ให้ Socisl Media เป็นช่องทางโปรโมตก็พอ

และข้อดีของ website นอกจากจะได้อยู่ถาวรไม่ต้องกลัวคอนเทนต์หายแล้ว ยังมีโอกาสถูกค้นหาเจอผ่าน Google ยิ่งทำให้ Blog เราดังขึ้นไปอีก แต่การจะถูกค้นเจอก็ไม่ง่าย ก็ต้องอาศัยตัวช่วยกันบ้างนั่นคือการทำ SEO ใครทำเป็นจะได้เปรียบมากประหยัดเวลาโปรโมต Blog ไปได้เยอะเลย

ทำ SEO ให้เป็น หากคิดจะทำ Blog แล้วทำ SEO ไม่เป็นเหมือนคนอยากขับรถแต่ไม่รู้ว่าคันเร่งอยู่ไหนเลยนะคะ เพราะ SEO จะเป็นตัวที่ทำให้คนที่สนใจในสิ่งที่เรารีวิวค้นหา Blog เราเจอง่ายๆ ผ่าน search engine ติดหน้าแรกแบบชนิดที่ไม่ต้องเสียเงินโฆษณาสักบาท ซึ่งจะทำให้ Blog เราเติบโตอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น เหมือนได้เหยียบคันเร่งให้ Blog นั่นแหละ

อ่านจบแล้วเราไปลงมือทำกันเลย

ที่มา: 6 สูตรสำเร็จต้องทำ ก่อนเป็น Blogger

นอกจากนั้น สีแดงยังจะมีความหมายในเชิงลบอีกด้วย เช่น หากเราขับรถทางไกลๆในเดือนเมษายน อากาศร้อน มันจะทำให้เราอยากจะแวะปั๊มน้ำมันซักปั๊มหนึ่ง การขับผ่านปั๊มที่ใช้โทนสีแดงอย่าง Esso มันจะยิ่งทำให้รู้สึกร้อนเข้าไปอีก แต่ปั๊มโทนสีน้ำเงินอย่าง ปตท. และโทนสีเขียวอย่างบางจาก จะทำให้คนขับรู้สึกสดชื่นมากขึ้น เหมือนเป็นโอเอซิสที่อยู่กลางทะเลทราย 

แต่กลับกัน ในประเทศหนาวๆ อย่างญี่ปุ่น การแวะปั๊มคือการเติมพลังงาน คนกลับเลือกปั๊มที่มีโทนสีแดง เพื่อสร้างความอบอุ่น ปั๊มอย่าง Eneos จึงเป็นปั๊มเบอร์หนึ่งของญี่ปุ่นไป  

การใช้สีจึงส่งผลกับจิตวิทยาการเลือกซื้อของผู้บริโภค 

ทฤษฎี วงล้อแห่งสี หากคุณคิดจะออกแบบโลโก้ โพสต์ สื่อโฆษณา การเลือกใช้สีที่ contrast กัน (แตกต่าง แต่ก็เข้ากัน) จึงมีความจำเป็น 

จากวงล้อแห่งสี ให้ดูสีที่เราจะใช้เป็นโทนหลัก และเลือกใช้สีตัวอักษรที่อยู่ในฝั่งตรงข้าม เช่น การออกแบบโฆษณาของ Pizza Company เลือกใช้สีพื้นเขียว อักษรแดง การบินไทย เลือกใช้สีพื้นม่วง อักษรเหลือง เป็นต้น 

 by...ดร.ปิ๊ง (คมทัศน์) 

สีที่ถูกใช้เป็นสีหลัก เช่น พื้นหลัง ฉาก สีกล่อง สีเสื้อ แบคกราวด์โปสเตอร์ สีพื้นผิว 

สีที่ถูกใช้เป็นสีเสริม เช่น ตัวอักษร ลายตัด โบว์(ผูกกล่อง) 

ข้อควรระวัง หากพื้นหลังเป็นสีม่วง (ซึ่งแสดงพลังเชิงจิตวิทยาถึงความ 'หรูหรา') จะใช้สีเหลืองเป็นสีเสริม หรือพวกตัวอักษรบนป้ายโฆษณา เช่น ไทยพาณิชย์ การบินไทย 

แต่หากพื้นหลังเป็นสีเหลือง นั่นไม่ได้หมายความว่า สีม่วง จะเป็นสีที่เข้ากันที่สุด (Best Match) สำหรับการนำมาเสริมพื้นสีเหลือง 

**แก้ไข** สีแดง (หลัก) จะไม่เข้ากับสีน้ำตาล (เสริม) 

By...Dr.Pink (Comtas) 

เขียนยังไงให้ลูกค้าสนใจสินค้าของคุณ นั้นก็คือการเขียนเพื่อ Benefit หรือประโยชน์ของลูกค้าหรือคนที่อ่านล้วนๆ 

*** จำไว้เลยนะครับ เขียนถึงสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ หลังจากที่ใช้สินค้า หรือ ซื้อสินค้าของเราไปแล้ว ***  

วิธีการ นึกถึงสินค้าหรือบริการของเราก่อน จากนั้นให้นึกว่า ลูกค้าจะได้อะไรบ้าง ชีวิตของเค้าจะดีขึ้นแค่ไหน ถ้ากินแล้วจะเป็นยังไง ใช้แล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเค้าบ้าง ให้เขียนออกมาเป็นข้อๆ ยิ่งเยอะเท่าไรยิ่งดี 

ข้อ 1 ..... 

ข้อ 2 ..... 

ข้อ 3 ..... 

ข้อ 4 ..... 

ฯลฯ 

ถึงแม้ว่า เราจะสามารถเขียนแคปชั่นได้ยาวๆ แต่ในความเป็นจริง แคปชั่นก็จะแบ่งส่วนย่อยๆ ออกมาอีก เริ่มจากสิ่งที่ลูกค้าอ่านอย่างแรก ก็คือ พาดหัว (Headline)  

บรรทัดถัดจากเหตุรายคิอ พาดหัวย่อย (Sub Headline) เอาไว้ขยายความพาดหัว จากนั้นก็จะมาอ่านที่ Call to Action กระบวนการตรงนี้ แต่ละคนอาจจะใช้เวลาไม่เท่ากัน แต่ไม่เกิน 3 วินาที เพื่อตัดสินใจว่าจะกดโฆษณานี้ไหม (ตอนนี้ลูกค้าแค่หยุดนะ ยังไม่ได้กดโฆษณา)

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ที่มา: สูตร วิธีเขียน แคปชั่น เพื่อลงโฆษณา Facebook