เขียนโฆษณาเฟสบุ๊คให้ขายดี

วิธีเขียนโฆษณาลงเฟสบุ๊คยังไงให้ ขายดี

วิธีเขียนแคปชั่น ลง Facebook เขียนยังไงให้ขายดี ก่อนที่จะเริ่มเขียนแคปชั่น อยากให้เข้าใจตรงนี้ไว้ก่อน เข้าใจว่าทุกคนมีเวลาจำกัด คุณมีเวลาแค่เสี้ยววินาที ให้ลูกค้าสนใจโฆษณาของคุณ

สิ่งแรกที่ลูกค้าจะเลือกสนใจโฆษณาของคุณ จะหยุดหรือไม่หยุดก็คือ ภาพโฆษณา ตัวต่อมาก็คือแคปชั่นนั้นเอง

เขียนยังไงให้ลูกค้าสนใจสินค้าของคุณ นั้นก็คือการเขียนเพื่อ Benefit หรือประโยชน์ของลูกค้าหรือคนที่อ่านล้วนๆ

*** จำไว้เลยนะครับ เขียนถึงสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ หลังจากที่ใช้สินค้า หรือ ซื้อสินค้าของเราไปแล้ว ***

วิธีการ นึกถึงสินค้าหรือบริการของเราก่อน จากนั้นให้นึกว่า ลูกค้าจะได้อะไรบ้าง ชีวิตของเค้าจะดีขึ้นแค่ไหน ถ้ากินแล้วจะเป็นยังไง ใช้แล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเค้าบ้าง ให้เขียนออกมาเป็นข้อๆ ยิ่งเยอะเท่าไรยิ่งดี

ข้อ 1 .....

ข้อ 2 .....

ข้อ 3 .....

ข้อ 4 .....

ฯลฯ

เรามาเริ่มเขียนกันเลย

ถึงแม้ว่า เราจะสามารถเขียนแคปชั่นได้ยาวๆ แต่ในความเป็นจริง แคปชั่นก็จะแบ่งส่วนย่อยๆ ออกมาอีก เริ่มจากสิ่งที่ลูกค้าอ่านอย่างแรก ก็คือ พาดหัว (Headline)

บรรทัดถัดจากเหตุรายคิอ พาดหัวย่อย (Sub Headline) เอาไว้ขยายความพาดหัว จากนั้นก็จะมาอ่านที่ Call to Action กระบวนการตรงนี้ แต่ละคนอาจจะใช้เวลาไม่เท่ากัน แต่ไม่เกิน 3 วินาที เพื่อตัดสินใจว่าจะกดโฆษณานี้ไหม (ตอนนี้ลูกค้าแค่หยุดนะ ยังไม่ได้กดโฆษณา)

หลังจากลูกค้ากดโฆษณา สิ่งที่ลูกค้าจะอ่านต่อมาก็คือ อ่าน รายละเอียด (Description) หรือคำอธิบายด้านล่างต่อ หรือเข้าเวบไซต์ไป หรือกด Msg เพื่อทักคุยกับเรา

จากนั้นลูกค้าก็จะเริ่มไล่อ่าน Comment ดูการโต้ตอบ เพื่อตัดสินใจเพิ่มเติมอีกที

นี้คือกระบวนการของลูกค้าทั้งหมด เพราะงั้นคุณต้องเขียนแคปชั่น ให้โดนใจลูกค้า หยุดลูกค้าให้ได้

ไอเดียการเขียน แบ่งออกมาแบบง่ายๆ 4 แบบ

1. ประโยชน์ (Benefit) ของสินค้า

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้น ลูกค้าจะได้อะไร ชีวิตเค้าจะดีขึ้นยังไง ถ้าใช้สินค้าของเรา เขียนทั้งทางตรงและทางอ้อม

2. โปรโมชั่น (Promotion)

คุณมีอะไร Offer ให้ลูกค้าบ้าง จะลดราคา จะส่งฟรี จะแถมจัดไปครับ ซื้อวันนี้ได้อะไร ถ้าจะบีบให้ลูกค้ารีบซื้อได้ ก็เอาเลยครับ คนเราชอบโปรโมชั่น จะดีกว่านั้น ถ้าเป็นโปรโมชั่นเฉพาะเค้า

ประโยชน์ (Benefit) & โปรโมชั่น (Promotion)

3. คำถามแทงใจ (Pain Point)

อันนี้สำคัญมาก ต้องจี้จุดลูกค้าให้ได้ หาให้เจอ ทำให้เค้าฉุกคิด เป็นคำถามที่ถามไปแล้ว ลูกค้าอึ้ง หรือโดนใจ อาจจะเป็น inside ของปัญหาหรือของโรคนั้นๆ ก็ได้ เช่น คุณนอนหลับสนิทครั้งสุดท้ายเมื่อไร ?

ที่นอนปวดหลัง จนนอนไม่สบายใช่ไหม ?

** คำถามแทงใจ ระวังการใช้นิดนึงนะครับ facebook ค่อนข้างจริงจัง เรื่องการระบุถึงบุคคล หรืออาการที่เป็น**

4. รีวิว ความน่าเชื่อถือ (Social Prof)

ทุกคนชอบรีวิว รีวิวจะช่วยพูดแทนสินค้า บอกว่าใช้แล้วดี มีคนใช้เยอะ!! คนเราไม่ชอบผิดพลาด เพราะฉะนั้นจึงคิดว่าถ้าคนส่วนใหญ่ใช้ คนส่วนใหญ่เลือก เค้าก็จะเลือกเช่นกัน หรือ Case Success ถ้าคนนึงใช้แล้วดี เราก็ต้องใช้ดี ยิ่งเป็นดารา หรือคนมีชื่อเสียงยิ่งดี