Google Map รู้สภาพการจราจรได้อย่างไร

ธันวาคม 11, 2559

Google Map รู้สภาพการจราจรได้อย่างไร

ก่อนออกเดินทางไปไหนใกล้ๆ เรามาเช็คสภาพการจราจรกันหน่อยไหม ใช้ Google Map นี้แหละก็สามารถทราบได้เลย




แล้วสงสัยไหมหละว่า Google Map รู้สภาพการจราจรได้อย่างไร งั้นเราจะพาไปชมเบื้องหลังความแม่นยำที่ทำให้ Google Map รู้สภาพการจราจร

Google Map รู้สภาพการจราจรได้อย่างไร
Google Map รู้สภาพการจราจรได้อย่างไร
คนที่คอยรายงานสภาพการจราจรแบบเรียวไทม์ จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ User ที่ใช้งาน Google Map นั้นแอง โดยจะดึงข้อมูลจากมือถือของเรา โดยอ่านค่า GPS บนมือถือ แต่มือถือ ต้องเปิดโหมดแชร์ Location Service

วิธีการคือโทรศัพท์มือถือจะส่งข้อมูลพิกัดและความเร็วไปยัง Google Map ซึ่ง Google Map จะวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ แล้วนำไปเปรียบเทียบกับโทรศัพท์มือถือเครื่องอื่นๆ ที่อยู่บนถนนเดียวกับเราและรอบๆเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง โดยระบบจะประมวลข้อมูลเหล่านี้จนเห็นภาพรวมของการจราจรทั้งหมด ถ้าโทรศัพท์มือถือเดินทางด้วยความเร็วสูงบนทางหลวงหรือทางด่วน แล้วจู่ๆ เคลื่อนที่ช้าลง Google Map จะถือว่าสภาพจราจรเริ่มติดขัด

นอกจากนี้ Google Map เพิ่มความแม่นยำให้กับถนนในเมือง การหาตำแหน่งด้วยวิธี Observed Time Difference Of Arrival (OTDOA) โดยผ่านระบบผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ โดยคำนวนจากมือถือ ที่จับสัญญาณกับเสาของโทรศัพท์แต่ละต้น เพื่อคำนวนหาตำแห่งของโทรศัพท์นั้นเอง ซึ่งจะทราบถึงการเคลื่อนที่ ความเร็ว ทิศทาง ตามรูป

การหาตำแหน่งด้วยวิธี Observed Time Difference Of Arrival (OTDOA)
การหาตำแหน่งด้วยวิธี Observed Time Difference Of Arrival (OTDOA)

การหาตำแหน่งด้วยวิธี Observed Time Difference Of Arrival (OTDOA)
การหาตำแหน่งด้วยวิธี Observed Time Difference Of Arrival (OTDOA)

จากรูปด้านบนเป็นตัวอย่างหนึ่งของการกำหนดพิกัดของอุปกรณ์ 3G โดยใช้หลักการของค่าความต่างของเวลาที่เชื่อมต่อระหว่างสถานีฐาน ที่ 3 จุด และประมาณค่าออกมาเป็นพิกัดของอุปกรณ์ลูกข่ายนั้นๆ (User Equipment)


ดูสภาพจราจรได้ทั้งหมด 4 ระดับ
ดูสภาพจราจรได้ทั้งหมด 4 ระดับ
ดูสภาพจราจรได้ทั้งหมด 4 ระดับ
เขียว ถนนโล่ง เคลื่อนที่ได้สะดวก
ส้ม ถนนเริ่มมีรถเยอะ รถเคลื่อนตัวช้า แต่ยังไปได้เรื่อยๆ
แดง รถติด ขยับสลับหยุด
น้ำตาล รถติดมาก เช็คเส้นทางแล้วเลี่ยงได้โปรดเลี่ยง

อย่างไรก็ตามความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ถ้าเกิดกังวลเราก็สามารถปิด Location Service ได้เช่นกันครับ



อ้างอิงและแหล่งข้อมูลภาพ :
1. http://www.whatphone.net/tips/google-maps-traffic/
2. http://www.macthai.com/2015/10/05/google-track-live-traffic/
3. https://cisscenter.wordpress.com/2014/06/04/trafficgoogle/
4. http://droidsans.com/how-google-maps-gets-live-traffic-data
5. https://www.blognone.com/node/34871

You Might Also Like

0 comments

Popular Posts

Like us on YouTube

Facebook Images