เที่ยวเชียงคาน ฉันจึงมาหาความหนาว
กรกฎาคม 12, 2557เที่ยวเชียงคาน ฉันจึงมาหาความหนาว
หลังจากพลาดหวังไปสองสามครั้ง ในที่สุดโปรแกรมเที่ยวเชียงก็เดินทางไปได้ด้วยดี คิดถึงเชียงคานจนหายอยาก
เดินทางจากภูเก็ตโดยเครื่องบินแอร์เอเชีย14.40 น. ถึงอุดรตอน 16.25 น. พอประตูขาออกของท่าอากศยานเปิดออก ลมหนาวที่ยังคงมีอยู่ก็ลอยออกมาต้อนรับคนที่มาหาความหนาว กำลังดี กำลังดี (คิดในใจ)การเดินทางจากสนามบินอุดรไปโรงแรมนั้นได้ติดต่อกับทางโรงแรมให้จัดรถมารับไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับคนที่ยังก็อาจจะใช้บริการ รถตู้ในบริเวณนั้นเดินออกมาก็เจอคิวรถตู้ทันที เรื่องราคาอยู่ที่ระยะทางที่รถไปส่ง
อุดรจ๋า มาถึงแล้วจ๊ะ |
รถตู้ลีมูซีนบริการรับเข้าเมือง |
เพียงชั่วอึดใจเราก็เดินทางจากสนามบินมาถึงที่พักแล้ว สำหรับแผนคราวนี้คืนแรกและคืนสุดท้ายจะพักที่เดียวกัน หลังจากการสืบหาข้อมูล และทำการเปรียบเทียบที่พักจึงตกลงปลงใจเอาที่ มัชเฌ มันตา บูธีคโฮเต็ล ตอนที่ทำการจองไปแล้วนั้นก็คิดไว้ในใจขอให้โรงแรมดีทีเถิดดด และก็ดีจริงๆ ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแหล่งหาของทาน
หลังจากเช็คอินก็ได้แผนที่ เทศบาลเมืองอุดรธานี คราวนี้หละจะเดินให้ปรุเลย (อันนั้นก็ว่าไป)
มัชเฌมันตา บูธีคโฮเต็ล ที่พักเราคืนแรกที่อุดร |
ภายในห้องพัก |
ห้องน้ำ เล็กๆ แต่ครบครัน |
บรรยากาศจากห้องพัก เปิดหน้าต่างลมเย็นก็พัดมาเลยหละ |
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย สำรวจห้องพัก นั่งนอนยืดหลังจนพอใจก็ได้เวลากางแผนที่ ออกไปสำรวจเมืองอุดรกันดีกว่า จุดหมายปลายทางคือหาอะไรกินเป็นมื้อแรกที่อุดร
กางแผนที่สำรวจเส้นทาง และสอบถามจากเจ้าหน้าที่โรงแรมอีกนิดหน่อย ระยะทางจากโรงแรมที่พักไปห้างเซนทรัล และ UD TOWN ไม่ไกลนัก สำรวจเมืองไปถึง UD TOWN ก็คงหิวพอดี งั้นกางแผนที่ก็ออกเดินกัน
แผนที่ เทศบาลอุดรธานี |
จบมื้อเย็นวันนี้ มื้อแรกที่อุดรเป็นข้าวหมูแดงที่ UD TOWN ชมเมืองอีกนิดหน่อยก็นั่งรถสกายแลปกลับโรงแรมค่ารถ 60 บาท (อันนี้สามารถต่อรองราคากันได้ วันหลังเหลือ 40 บาท จากเซนทรัลมาที่พักเป็นประสบการณ์) คงต้องรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเพื่อจะต้องเดินทางไปเชียงคานต่อ ราตรีสวัสดิ์อุดรธานี
ตื่นเช้ามาหลังจากทานมื้อเช้าที่โรงแรมเรียบร้อยก็ทำการเชคเอ้าท์ จุดหมายปลายทางของการนอนคืนนี้ที่เชียงคาน
อรุณสวัสดิ์อุดรธานี |
รถสกายแลป ที่จะพาเราไป |
เรียกรถสกายแลปจากหน้าโรงแรมให้ไปส่งที่ บขส. 2 ค่ารถ 80 บาท มาถึงบขส. 2 มีรถบัสเมืองเลยกำลังจะออกพอดี จ่ายค่าสกายแลปเรียบร้อยก็ถลาขึ้นรถบัสสาย 220 อุดร – เมืองเลยทันที (ค่ารถคนละ 100 บาท)
เราไปเลยกับรถคันนี้ |
วันอาทิตย์คนน้อย |
เราเดินทางจากอุดร 09.00 น. รถแวะเข้าบขส. หนองบัวลำภูเมื่อเวลา 09.42 หลังจากนั้นก็เคลิ้มหลับมาถึง บขส. จังหวัดเลยก็ยามเที่ยงพอดี พอดีที่เห็นรถ 2 แถวไปเชียงคานผ่านไปต่อหน้าต่อตา นั่งแกร่วไป 1 ชั่วโมง สำหรับคิวรถ 2 แถวไปเชียงคานนั้นจะต้องเดินไปอีกหน่อย อยู่ด้านหลังของบขส. จังหวัดเลย
บ่ายโมงก็ได้เวลาเดินทางจากบขส.เลย ไปเชียงคานกัน (สำหรับวันอาทิตย์ รถเข้าเชียงคานจะน้อย อันนี้พี่ คนขับบอกมา)
นั่งเศร้าเพราะเราตกรถเที่ยงที่คิวรถ 2 แถวไปเชียงคาน |
คันนี้แหละจะพาเราไปเชียงคาน |
จากบขส.เลย มาถึงเชียงคานประมาณ 14.30 น. ใช้เวลาเดินทาง ชั่วโมงครึ่ง นั่งหลับกันเมื่อยคอ ค่ารถ 2 แถวคนละ 35 บาท ลงจากรถ 2 แถวก็มีสกายแลปเรียกให้ใช้บริการ สำหรับราคาเข้าที่พักแล้วแต่ความใกล้ไกล ก่อนลงจากมอไซค์พี่แกก็ให้นามบัตรเผื่ออยากไปเที่ยวที่ไหนสามารถโทรเรียกใช้บริการได้
แดดยังร้อนขอนอนยืดหลังให้เต็มที่ก่อน สำหรับที่พักบ้านริมโขง ด้านหลังเห็นทิวทัศน์แม่น้ำโขงชัดเต็มตา ที่ถูกใจคือเครื่องทำน้ำอุ่น มาช่วงนี้น้ำเย็นมาก
บ้านริมโขง ที่พักเรา |
บรรยากาศภายในห้องพัก |
ที่พักอยู่ติดริมโขงเลย แดดดีมีผ้าเยอะเชียว |
นอนยืดเส้นแก้เมื่อสักพัก แดดหลบร้อนไปแล้ว ออกไปเดินยื้อเส้นกันดีกว่า เสน่ห์ของคานอยู่ที่วิถีชีวิต และบ้านเรือนที่มีสภาพดั้งเดิม อาคารที่สร้งมาใหม่ก็จงใจที่จะสร้างให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแบบเดิมที่มีมา
บ้านเก่าที่ยังอยู่ |
ตึกที่สร้างใหม่ แต่ตั้งใจให้เข้ากับแบบเก่า |
เย็นย่ำอากาศเริ่มเย็น อากาศหน้าเดินเล่นเป็นที่สุด |
มองเมืองเชียงคานมาจากฝั่งโขง |
ฝั่งโขงยามตะวันใกล้ลับลำน้ำ |
ก่อนหลบลงน้ำขอแปลงร่างเป็นไข่แดงนะ |
บรรยากาศยามเย็นริมฝั่งโขง ในหน้าหนาวช่างสวยจริงๆ เราเคลิ้มไปกับแสงตะวันก่อนจะทิ้งตัวลงน้ำโขง มองไปริมฝั่งก็มีผู้คนออกมาถ่ายรูปลาตะวันเต็มไปหมด
ลาตะวันเรียบร้อยออกไปหาไรกินที่ถนนคนเดินต่อ พ่อค้าแม่ค้าเล่าให้ฟังว่าหากเป็นเสาร์-อาทิตย์ ช่วงหยุดยาว ถนนคนเดินไม่ต้องเดินเลยหละ ใช้วิธีไหลไปแทน เพราะคนเยอะมาก ไปเดินหาข้าวเปียกกินก่อนนอน คืนนี้หลับฝันดี
ถนนคนเดิน คนเยอะแยะ |
ของฝากยอดนิยม อิอิอิ |
มาแล้วต้องลอง “ข้าวเปียก” อาหารอร่อยของเชียงคาน |
ตื่นเช้ามาตั้งแต่ตี 5 นัดรถสกายแลปไว้จะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ที่ภูทอก อากาศเหนาวจนหูลู่ หูชาเพราะหนาวหมดความรู้สึกไปเลยหละ วิญญาณชาวอุตุนิยมไม่ยอมออกจากร่างง่ายๆ แต่ล้างหน้าทีเดียวตาสว่างขึ้นมาเชียว
พี่สกายแลปก็มาตรงเวลาเหลือเกิน จาการต่องรองราคาเหมารถเที่ยวภูทอกและแก่งคุดคู้ อยู่ที่ 360 บาท/คัน แต่ถ้าไปภูทอกจะมีค่ารถพาขึ้นภูอีกคนละ 25 บาท ไปไปกัน
มีรถบริการพาขึ้นภูทอก คนละ 25 บาท |
ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงา เพราะมีคนขึ้นไปภูทอกเยอะมาก ตรงจุดชมวิว คนเป็นล้าน หาเหลียมไม่มีคนยากมาก มืดก็มืด หนาวก็หนาว แอบอิจฉาคนเดินกุมมือกันมากๆ ก็ตอนนี้แหละ
รอไม่นานตะวันที่เพิ่งลาเราไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ก็โผล่ออกมาทักทายอีกครั้ง ขึ้นแดงเหมือนเมื่อตอนลง คงเป็นดวงดีกันแน่ ชั่วขณะนั้นก็ได้ยินแต่เสียงของกล้องรู้สึกคุ้มขึ้นมาทันใด
รอรับตะวัน |
แหนะ แหนะ ขึ้นแดงมาแล้ว |
กว่าจะขึ้นหละน๊าน นาน บทจะสว่างหละแป๊บบบบเดียว |
สวัสดีภูทอก |
ส่งท้ายภูทอก กับตะวันสาดแสง |
ลงจากภูทอกอีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ควรพลาดคือแก่งคุดคู้ ระหว่างที่ไปหมอกก็หนาได้ใจ เรื่องหนาวนี้ พูดกันเป็นไอ แก่งคุดคู้จึงเต็มไปด้วยสายหมอก
พี่พี่ หาปลาคนเดียว ไม่หนาวบ้างเรอะ |
ออกจากแก่งคุดคู้ เราก็กลับที่พัก กินข้าวกินปลา เก็บข้าวของ เพื่อที่จะได้ทันรถ 2 แถวเที่ยว 10 โมง ทริปเร่งไปนิด แต่คิดไว้แล้วว่าจะกลับมาแอ่วใหม่นะเชียงคาน
เชียงคานจ๋า เดี๋ยวจะกลับมาใหม่ |
0 comments