พิชิตยอดเขาแห่งสต๊อก
บทความนี้จะพูดถึง ภาพรวมของอาชีพนี้ เหมือนเป็นการกางแผนที่ดู ซึ่งจะทำให้รู้ว่า "เราอยู่ตรงไหน”, "กำลังจะไปไหน” และ “ต้องทำยังไง" ถึงจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายนั้นได้ทำงานในวงการสต๊อก ก็เหมือนการปีนกับภูเขามหัศจรรย์ครับ ดินแดนแห่งนี้มีฝนตกเป็นดอลล่า ยิ่งระดับความสูงเยอะเท่าไหร่ ดอลล่าก็ยิ่งตกหนักมากขึ้นเท่านั้น คนที่มีพอร์ท 500 รูป ถ้าอยู่ตีนเขา จะได้เงินแค่เดือนละหลักพันบาท แต่ถ้าคุณอยู่บนยอดเขา มี 500 รูปเท่ากัน ก็สามารถสร้างรายได้เดือนละแสนได้ครับ
สำรวจตัวเอง :
ผมแบ่งกลุ่มคนทำสต๊อกเป็น 4 ระดับ ตามความสูงของภูเขาครับ ลองมาสำรวจตัวเองกันดูครับว่า ตอนนี้เราอยู่ Level ไหนกันบ้างLevel 1 ส่งผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง คือยังไม่เข้าใจกฎของแต่ละ Agent
Level 2 ส่งยังไงก็ผ่าน แต่ว่ายังขายได้บ้างไม่ได้บ้าง กลุ่มนี้เข้าใจกฎแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจตลาด
Level 3 ส่งยังไงก็ผ่าน ทำอะไรก็ขายดี แต่ทำยังไงจะติดหน้าแรกเยอะๆ กลุ่มนี้เข้าใจกฎ เข้าใจตลาด แต่ยังไม่มีกลยุทธ (strategy)
Level 4 ส่งยังไงก็ผ่าน ทำอะไรก็ขายดี แถม search คำไหน ก็ติด pop ไปไหนก็เจอ ยอดมาวันละหลายสิบโหลดต่อใบ สบายไปเลยครับ
ผมเชื่อว่าคนทำสต๊อกส่วนใหญ่ ก็อยากอัพตัวเองขึ้นไปถึง Level 4 กันใช่ไหมครับ (แต่ถ้าใครทำเป็นงานอดิเรก หรือทำเล่นๆ อันนี้ยกเว้นนะฮะ ^^”) ตอนนี้เรารู้แล้วว่า "เราอยู่ตรงไหน" และ "กำลังจะไปไหน" ต่อไปเราก็มาดูเรื่องวิธีการว่า "ต้องทำยังไง" ถึงจะอัพขึ้นไปอยู่ Level ขั้นที่สูงขึ้นต่อๆ ไปกันครับ
รายละเอียด และวิธีอัพ Level :
---------------------------------------
( Level 1 ) ส่งผ่านบ้างไม่ผ่านบ้าง
---------------------------------------ถ้าส่งแล้วรูปโดน reject บ่อยๆ ก่อนอื่น ให้เปิดใจกว้างๆ รับฟังคอมเม้นของคนตรวจนะครับ เขาแค่ทำตามหน้าที่ ไม่ได้อยากทะเลาะกับเรา มือใหม่นี่โดนกันทุกคนครับ ต้องใช้เวลาปรับตัวซักพักฮะ แต่ถ้าใครทำมานานแล้ว แต่ก็ยังโดน reject บ่อยอยู่ งั้นก็ลองมาดูสิครับว่า อาจมีตรงไหนที่เราพลาดไปก็ได้
ส่วนใหญ่ที่ส่งแล้วไม่ผ่านจะเกิดจาก ยังไม่มีความเข้าใจใน 4 หัวข้อดังต่อไปนี้ครับ
( *การอัพเว่ลจาก 1 ไปถึง 4 จะใช้ทั้งหมด 7 หัวข้อมาอธิบายนะครับ ผมจะ run หัวข้อไปเรื่อยๆ 1-7 หวังว่าจะไม่งงกันนะครับ ดูภาพประกอบน่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ)
1) ความสามารถในการควบคุมเครื่องมือ
ถ้าสายถ่ายรูปก็จะคือ "ความสามารถในการควบคุมกล้อง" (รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ) การตั้งค่าต่างๆ เช่นรูรับแสง ชัทเตอร์สปีด ISO การเลือกจุด focus ฯลฯ ให้ได้ภาพออกมาให้ชัดให้เบลอ ให้มืดให้สว่าง อย่างที่ต้องเราการ
ถ้าเป็นสาย vector ก็คือ "ความสามารถในการใช้โปรแกรม" พวก illustrator (หรือโปรแกรมจัดการ vector ของค่ายอื่นๆ ก็ได้ครับ)
2) เทคนิคที่ใช้ในการสร้างภาพ
เช่นกฏ 3 ส่วน 9 ช่อง การใช้เส้นใช้สี หรือกฏพื้นฐานต่างๆ ในเรื่อง composition หรือถ้าสาย vector ก็จะมีเพิ่มเติมเรื่อง grid, page layout, typographic ฯลฯ หรืออะไรก็ตาม ที่สามารถโชว์ให้เห็นว่าเรามี skill หรือมีความรู้ มีความเป็นมืออาชีพในสายงานของเรา
3) เนื้อหาของภาพ
คือแต่ละภาพต้องสามารถสื่อสารได้ อย่างน้อย มองแล้วต้องสามารถนึกออกมาเป็นคำพูดได้ซักคำนึง ซึ่งก็คือ keyword แรก หรือชื่อของภาพนั้นๆ นั่นเอง อาจจะไม่ต้องซับซ้อนเป็นเรื่องราวก็ได้ แค่ให้เขารู้ว่า เราต้องการจะถ่ายอะไร หรือสื่ออะไรออกมาก็ได้ ไม่งั้นคนตรวจก็จะมีคำถามประมาณว่า เอ มันจะสื่ออะไรหว่า อย่างงี้เขาอาจจะหงุดหงิด ปรับตกไปเลยก็ได้
4) ข้อกำหนดอื่นๆ ของแต่ละ Agent
เช่นบางอย่างติดเรื่อง trademark, ถ่ายติดคน ติดอาคารสถานที่ แบบไหนต้องให้เจ้าของเซ็นอนุญาต ขนาดไฟล์เท่าไหร่ save เป็น format ไหน เหล่านี้ เป็นต้น พวกนี้ต้องโดนเอง หรือไม่ก็อ่านเอาจากที่เพื่อนๆ โดนมา แล้วมาแชร์ หรือมาถามกันในกรุ๊ปก็ได้ครับ คำถามซ้ำๆ บ่อยๆ ที่มือใหม่ยังไม่รู้ ก็จะมีมือเก่าๆ มาตอบ มาแนะนำกันไปครับ พอทำไปซักพักจะเริ่มรู้เองครับ แล้วทีนี้เราก็จะกลายมาเป็นมือเก่า มาคอยตอบน้องๆ มือใหม่ ที่เข้ามาถามคำถามที่เราเคยถามต่อๆ ไป
พยามโชว์ skill ในข้อ 1) - 4) ลงไปในงาน อยากให้ตั้งใจทำ และศึกษาหาความรู้ในสายงานตัวเอง ไม่ใช่เอาแค่พอผ่านๆ ทำให้เกินๆ เข้าไว้ เอาให้คนตรวจเห็นแล้วต้อง ว้าววว งานเมพๆ แบบนี้ ให้ผ่านไปเลยไม่ต้องคิดนาน ส่งทีละกี่ร้อยภาพ ก็ผ่าน 100% ทุกรอบเลยครับ ^^
*แต่เดี๋ยวก่อน!! ถึงงานจะผ่าน 100% ก็ไม่ได้แปลว่าจะขายดีนะครับ แต่ยังไงเราก็ผ่าน Level แรกมาแล้ว ทีนี้ก็ไปดู Level ต่อไปเลยครับ ว่าต้องรู้อะไรอีกบ้าง
---------------------------------------
( Level 2 ) ส่งยังไงก็ผ่าน แต่ว่ายังขายได้บ้างไม่ได้บ้าง
---------------------------------------5) เข้าใจตลาด
ส่งผ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องขายได้ด้วย ดังนั้น การวิเคราะห์ตลาดก็สำคัญนะครับ ... อันนี้เคยเขียนไว้แล้ว ลองดูตาม link ได้เลยครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1029636590385103&set=gm.803429049710584&type=1&theater
---------------------------------------
( Level 3 ) ส่งยังไงก็ผ่าน ทำอะไรก็ขายดี แต่ทำยังไงจะติดหน้าแรกเยอะๆ
---------------------------------------มาถึงตรงนี้แล้ว จะเริ่มอยู่ในสภาวะที่ ส่งยังไงก็ผ่าน ทำอะไรก็ขายดี แสดงว่าพื้นฐานแน่น วิเคราะห์ตลาดเป็นละนะครับ เหลือแต่ต้องหา กลยุทธเด็ดๆ เพื่อจะให้เราไปอยู่หน้าแรกของแต่ละ keyword ให้ได้ ครับ
6) กลยุทธ
กลยุทธหลักที่ผมใช้บ่อยก็คือ กลยุทธ "ซุปไก่ รถไฟ พระเจ้าตาก" ครับ ... เห็นชื่อแล้วฮาเลยฮะ แต่ว่าผมใช้เป็นหลักจริงๆ นะครับ เดี๋ยวจะอธิบายเป็นข้อๆ ลองอ่านดูตามนี้ครับ
(6.1) ซุปไก่
ก็คือ brand ไงครับ (มุกอาจจะแป๊กนิดหน่อย แต่ช่วยให้จำง่ายนะฮะ ^^”)
การสร้างแบรนด์ หรือสร้างลายเซ็นให้กับงานของเรา ทำให้ลูกค้าเห็นแล้วจำได้ครับ ลองอ่านรายละเอียดดูตาม link นี้ได้เลยครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1033878346627594&set=gm.807297305990425&type=1&theater
(6.2) รถไฟ
(ที่จริงก็คือ trend นะครับ ผมเล่นคำพ้องเสียง แต่จริงๆ แล้วก็คล้ายๆ กันครับ มันเป็นกระแส เหมือนเราเกาะไปกับขบวนรถไฟเลยครับ)
ภาพที่ผมทำเมื่อปีที่แล้ว กลายเป็นเทรนของปีหน้า ... งงเลยครับ หรือว่าผมขึ้น time machine ไปดูงานในอนาคตมา!!
ที่จริงก็คล้ายๆ อย่างนั้นนะครับ ... มันจะเป็นไปได้ยังไง ผมขออธิบายดังนี้ครับ ส่วนใหญ่ผมไปเสพงานใน dribbble, behance ซึ่งเป็นเหมือน portfolio ของศิลปินดังๆ ที่ทำงานให้กับแบรนด์ใหญ่ๆ ระดับโลก เวลาเขาได้งานมา เขาก็เอามาโพสโชว์ มันก็เหมือนเป็นตัว prototype เป็นตัว demo พอผมเห็นปุ๊บก็ได้แรงบัลดาลใจ เอาไปปรับใช้กับงานของตัวเอง แล้วก็ทำงานส่งเข้าพอร์ทไปเรียบร้อย
ในระหว่างนั้นเอง ศิลปินต้นแบบเขาก็ทำงานตาม process ของเขาไป จนออกมาเป็น product พอบริษัทเอาออกมาจำหน่ายซักพัก คนก็เริ่มฮิต พอฮิตมากๆ เข้าจนเกิดเป็นเทรนขึ้นมา วันนึงเขาเปิดมาเจอรูปในพอร์ทผม ก็โอ๊ะ งานนี้อินเทรนจังเลย แล้วก็มากดโหลดรัวๆ เลยครับ ผมนี้อินเทรนรอมาเป็นปีเลย ซึ่งดูเหมือนว่าเราล้ำ แต่จริงๆ แล้วเราแค่ไปหาปลาแค่ต้นแม่น้ำเท่านั้นเองครับ ^^
จะสังเกตว่า ผมไม่โวยวายเรื่องคนก๊อปงานเท่าไหร่ เพราะคนที่กำลังลอกงานผมในปัจจุบัน ก็เหมือนเขาย้อนไปลอกงานในอดีตที่อินเทรนมาซักพักนึงแล้ว แต่ผมกำลังทำงานเทรนใหม่อนาคตอยู่ครับ อิอิ ... ถ้าคิดจะตามเทรนจริงๆ ก็ต้องไวนะครับ เกาะท้ายขบวนนี่มีโอกาสจมทะเล 50 ล้านรูปแน่นอนครับ
(6.3) พระเจ้าตาก
ก็คือการสะสมความสำเร็จ ทำจากเล็กไปใหญ่ครับ คือการตีเมืองเล็กๆ รอบๆ ก่อนเข้าตีเมืองใหญ่ ... ก็คือเริ่มเอาชนะ คือไปอยู่หน้า pop ของ keyword เล็กๆ ก่อน พอหลายๆ keyword เข้า เราจะเริ่มมีความมั่นใจขึ้น คนก็จะเห็นงานเราบ่อยขึ้น ทำให้ไปติดหน้า pop ของ keyword ใหญ่ๆ ได้ง่ายขึ้นครับ
วิธีเข้าตีเมือง หรือ keyword ต่างๆ ไม่ว่าเล็กใหญ่ มีตามนี้เลยครับ
(6.3.1) เปิดหน้าแรกดู โดยเลือก keyword ที่ต้องการจะเล่น เหมือนเล่นเกมส์เลยครับ ว่าจะเลือกด่านยากด่านง่าย keyword ใหญ่ คนทำเยอะ ก็เกิดยากหน่อย เช่น ลอง search คำว่า vintage แล้วดูคนที่ติดหน้าแรกว่าเราสู้เขาได้ไหม (ถ้ามันยากไป ก็เริ่มจาก 2 คำก็ได้ครับ เช่น vintage แล้วเคาะ space bar จะมี suggestion keyword ออกมาครับ)
(6.3.2) วิเคราะห์คุณสมบัติ มาวิเคราะห์คนที่ติดอันดับแรกๆ ว่าเขามีอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะจัดเต็มทั้งคุณภาพ ปริมาณ เส้น สี คอมโพส เทรน branding ฯลฯ พอรู้ว่าคนติดหน้าแรกเขามีคุณสมบัติยังไง ก็ต้องทำให้ได้แบบเขา มีให้ได้เท่าเขาก่อนครับ
(6.3.3) หาจุดอ่อนคู่แข่ง เขายังมีจุดอ่อนตรงไหน เราก็แก้ไขจุดนั้นซะ เช่นบางคนข้อมูลผิด คอมโพสไม่ได้ เนื้อหาไม่ครบ หรือหมวดอินโฟ เขาทำกันแต่ element พื้นฐาน ไม่มีเอกลักษณ์ เราทำงานออกมาให้มี detail มีเอกลักษณ์กว่าเขา เพื่อแก้ไขจุดอ่อนนั้นครับ
(6.3.4) สร้างจุดแข็งของตัวเอง มีหมัดเด็ดไว้น๊อคคู่ต่อสู้ครับ เราจะไปแทนที่เขา ถามตัวเองว่า เรามีอะไรดีกว่าเขา เช่นรูปเขามาก เราต้องมากกว่า เขามี Lorem ipsum แต่เรามีเนื้อหาจริง อะไรทำนองนี้ครับ
(6.3.5) พอร์ทคือหน้าตา รูปทุกใบคือพลัง ต่อให้เราทำรูปที่ เจ๋งที่สุดออกมา แต่มีอยู่ใบเดียว พลังมันก็ไม่พอ หรือเปิดพอร์ทมา นานๆ จะเจอเจ๋งๆ ซักใบนึง อย่างงี้ก็เกิดยากครับ ลูกค้าเปิดมาดูหน้าเดียว แล้วก็ปิด ทำพอร์ทให้เจ๋ง ลูกค้าเปิดมาดูแล้วต้องว้าว ทำไงให้ลูกค้าสตั๊นให้ได้ เขาจะมา follow เรา พอมีรูปใหม่เข้าพอร์ทปุ๊บ follower ก็มาโหลดปั๊บ ดันให้ไปติดหน้าแรกไว ก็เกิดอุปทานหมู่ คนอื่นที่ไม่ได้ follow ก็เข้ามาโหลดตาม ทำให้ติดหน้าแรกยาวๆ พอ follower เริ่มเยอะขึ้น ทีนี้ทำอะไรออกมาซักใบ ก็ติดหน้า pop ง่ายไปหมดเลยครับ
---------------------------------------
( Level 4 ) ส่งยังไงก็ผ่าน ทำอะไรก็ขายดี แถม search คำไหน ก็ติด pop ไปไหนก็เจอ
---------------------------------------จริงๆ ถ้ามาถึง Level 4 นี้แล้วก็ไม่มีอะไรแล้วครับ แค่รักษาคุณภาพไว้ แล้วอัดรูปเข้าไปเยอะๆ เท่านั้นเองครับ
7) เป้าหมาย
แต่ละคนมีเหตุผลในการทำสต๊อกต่างๆ กันไปครับ อาจจะเป็นเงิน, ความสุข, ชื่อเสียง บางคนมีความสุขกับงานประจำอยู่แล้ว มาทำสต๊อกเพราะชอบถ่ายรูป ชอบวาดรูป ได้เงินก็ไว้กินขนมเล่นขำๆ บางคนเป็นศิลปินอยู่แล้ว งานสต๊อกก็เหมือนเป็นการรวบรวมผลงาน เหมือน portfilio เป็นอีกช่องทางนึงที่ทำให้คนได้รู้จักผลงาน แบบนี้ก็ชิวดีครับ
แต่...
ถ้าเบื่องานที่ทำอยู่ ไม่ถูกใจเจ้านาย เบื่อเพื่อนร่วมงาน งานหนัก เงินน้อย ลูกค้าเรื่องมาก อยากจะลาออกวันนี้พรุ่งนี้เลย อันนี้ชิวไม่ได้ละครับ ต้องวางแผนกันหน่อยละครับ
สมมติว่า เราอยากได้เงินเดือนหลักหมื่น เราก็ได้ดูว่า คนอื่นๆ ในสายงานของเรา (ภาพถ่าย หรือ vector) ว่าเขาต้องมีกี่รูป คุณภาพขนาดไหน เช่นคุณท็อป dooder ตอนที่มี 200 ภาพ ก็ได้รายได้ 4 หมื่นต่อเดือนแล้ว ดังนั้น เราต้องวางแผนเช่น ถ้าอยากได้เงินหลักหมื่น ต้องมี 200 รูป ภายในสามเดือน (คุณภาพตามข้อแรกๆ ที่กล่าวไปแล้ว ต้องได้ด้วยนะครับ) เพราะฉะนั้นก็ต้องวาดวันละประมาณ 3 รูป อะไรประมาณนี้ครับ
แล้วต้องเข้าใจกราฟรายได้ของคนที่เริ่มทำด้วยว่า ตอนแรกที่พอร์ทยังไม่โต รายได้จะไม่ค่อยมี เหมือนร้านค้าที่ยังไม่ค่อยมีของ คนก็จะยังไม่เข้า แต่พอพอร์ทเริ่มมีรูปเยอะ(+คุณภาพ) กราฟจะเริ่มชัน ตอนนี้รายได้จะกระโดดเลยครับ ผมลองถามๆ คนที่รายได้เดือนละเกินแสนหลายคน ส่วนใหญ่กราฟเป็นแบบนี้หมด คือเอื่อยๆ ตอนแรก แล้วถึงจะชัน
คนที่เริ่มทำไม่เท่าไหร่ แล้วเห็นว่ารายได้ไม่เข้าเลย เลิกทำไปก็เยอะครับ (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ก็กลับมาทำใหม่ ทำๆ หยุดๆ อยู่หลายที เสียเวลาไปเป็นปีๆ เลยครับ)
เหมือนยานอวกาศจะเดินทางไปดวงจันทร์ 8 แสนกว่าโล ที่ต้องใช้เชื้อเพลิงครึ่งนึงไปกับแค่พันกิโลเมตรแรก ดังนั้นช่วงแรกต้องอดทนทำไปเรื่อยๆ ก่อน แม้ว่ายอดจะยังไม่มาก็ตาม (แต่ต้องคอยเช็คตลอดนะครับว่าเรามาถูกทาง) จนหลุดออกจากแรงดึงดูดได้ พอถึงช่วงที่กราฟชัน ก็สบายละครับ รายได้กระโดด ลูกค้าโหลดรัวๆ ยอดพุ่งปรี๊ดๆ เลยครับ
จบบทความอันยาวเหยียดแต่เพียงเท่านี้ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่าน ผมเสียเวลาหลงทางไปกับเรื่องเหล่านี้หลายปี อยากให้ทุกท่านว๊าปผ่านช่วงหลงทางเหล่านี้ไปเลย จะได้เติบโตในงานด้านนี้กันไวๆ แล้วส่งต่อโอกาสนี้แก่เพื่อนๆ รุ่นต่อๆ ไป ยกระดับสต๊อกเกอร์ไทย ให้ไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ เย้ๆๆ
เอาไว้เตือนใจสำหรับตัวเอง (*´▽`*)
เครดิตภาพและบทความจาก : Ekkrub Cm
- เมษายน 08, 2562
- 0 Comments