ทำรูปแนวไหนขายดี
เคยสงสัยบ้างไหมว่าต้องส่งรูปแนวไหนและต้องทำยังไงถึงจะขายดี วันนี้เลยนำการวิเคราะห์ตลาดด้วย 5Ws+1H มาฝากการวิเคราะห์ตลาด จริงๆ แล้วก็คือการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า (ที่จริงประกอบด้วยลูกค้า คู่แข่ง กับสถานที่ด้วย แต่เราเน้นที่ลูกค้า)
เทคนิคการวิเคราะห์ตลาด |
ถ้าเราทำงานอยู่ในบริษัท จะมีคนไปรับ requirement จากลูกค้า แต่ในงานสต๊อก ไม่มีใครมาบอกเรา ว่าลูกค้าต้องการอะไร เราต้องวิเคราะห์เอาเองนะครับ ...
ถ้าถามว่า การวิเคราะห์ตลาดจำเป็นแค่ไหน ก็ลองนึกดูว่า ถ้ามีคนมาจ้างเราทำงาน โดยที่ไม่บอกอะไรเลยว่าเขาต้องการอะไร ให้เราทำไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะถูกใจ เราอาจจะต้องทำภาพออกมาเป็นร้อยภาพ เพื่อที่จะให้เขาถูกใจซักใบนึงก็ได้ครับ ...
ดังนั้นการวิเคราะห์ตลาด จะทำให้เราทำงานมีประสิทธิภาพ และก็ไม่เหนื่อยด้วยครับ 5Ws+1H ก็คือ Who, What, Where, When, Why + How ครับ
ก่อนทำรูป เราต้องคิดหัวข้อ หรือชื่อรูป หรือเรื่องที่จะทำก่อน แล้วลองคิดว่า ลูกค้าของเราคือใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไม อย่างไร ยิ่งเราตอบคำถามเหล่านี้ได้มากเท่าไหร่ ก็แสดงว่า กลุ่มลูกค้าเรามีมากขึ้นเท่านั้น
เช่นถ้าเราจะไปถ่ายรูป สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น หรืออาหารญี่ปุ่น แล้วลองตอบคำถามต่อไปนี้ดู
Who
คือ คนที่ใช้รูปของเราจะเป็นใครได้บ้าง เช่น บริษัท องค์กรณ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว, เพจ หรือบริษัททำหนังสือ นิตยสาร แนะนำร้านอาหาร หนังสือท่องเที่ยว เราก็จะรู้แล้วว่าลูกค้าเรามีมากน้อยแค่ไหน ใครจะมาเป็นลูกค้าเราได้บ้างWhat
เขาเอางานเราไปทำอะไร เช่น เอาไปทำหนังสือ ทำนิตย์สาร ทำเว็ปไซด์ เราก็จะรู้ว่า รูปเราควรมีลักษณะยังไง กว้างยาวเท่าไหร่ อยู่ส่วนไหนของนิตยสาร เต็มหน้า เป็นปก หรือต้องเหลือ space ไว้สำหรับ wording ด้วยรึปล่าว หรือเอาไปทำ web ถ้าอยู่บริเวณที่เรียกว่า slider ก็จะมี ratio ของภาพเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ เวลาถ่ายรูป หรือวาดรูป จะได้วางคอมโพสของภาพนั้นๆ ถูกครับWhere
ตอบได้ว่า เราต้องไปถ่ายรูป (หรือวาด) ที่ไหน หรือว่าเค้าจะเอางานเราไปใช้ที่ไหน เช่น ถ้าเขาจะเอารูปเราไปใช้ในนิตยสารท่องเที่ยว ถ้ากะจะให้ลูกค้าเหมางานเป็นชุด เราก็ต้องไปถ่ายพวก landmark หลักๆ ในเมืองนั้นให้ครบ หรืออาหาร หรือสัญลักษณ์ประจำเมืองนั้น หรือถ้าถ่ายรูปท่องเที่ยวในเมืองไทย ให้เขาเอาไปใช้ที่เมืองนอก เราก็ต้องถ่าย/วาด รูปออกมาในมุมมองของนักท่องเที่ยวลองดูหนังสือท่องเที่ยวดูก็ได้ครับ เขาอาจแนะนำเรื่องอื่นๆ อีก นอกจากเรื่องสถานที่ เช่นการแต่งกายในวัด มารยาทที่ควร หรือไม่ควรทำ ต้องถอดรองเท้า หรืออะไรทำนองนี้อ่าครับ จากเดิมที่เคยไปถ่ายแต่วัด แต่อาคารสถานที่ ทีนี้เราก็มีหัวข้อให้เก็บเพิ่ม เพื่อจะได้ครอบคลุมเนื้อหาให้เหมาะกับที่ๆ เขาจะเอารูปเราไปใช้ละครับ
When
คือเมื่อไหร่ เช่นเขาจะเอารูปเราไปใช้เมื่อไหร่ คริสมาส ปีใหม่ ตรุษจีนฮาโลวีน หรือเราควรไปถ่ายรูปนี้เมื่อไหร่ เช่น ญี่ปุ่นมี 3 เวลา ช่วงขาวหิมะ ช่วงซากุระ ช่วงดอกไม้หลากสี เป็นต้นครับWhy
แล้วทำไมลูกค้าถึงต้องมาซื้อของเรา เรามีจุดแข็งอะไร เช่น เรา process สวยกว่าคนอื่น หรือรูปเราหายาก หรือมุมมองไม่ซ้ำคนอื่น หรือมีภาพชุด หรือมีเทคนิคบางอย่างโดดเด่นกว่าคนอื่น ยิ่งตอบได้หลายข้อ ก็ยิ่งมีโอกาสทำให้ขายดีมากเท่านั้นครับHow
ทำยังไงแล้วต้องทำยังไง สิ่งที่กล่าวมาในหัวข้อต่างๆ กล่าวมา มันถึงจะเกิดขึ้นได้ ... ก็ต้องเริ่มวางแผน และลงมือทำกันละครับยิ่งมีหลายคำตอบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะครับ เพราะมันแสดงว่า งานของเรา มีคุณค่าเชิงพาณิชย์มากเท่านั้น หรือที่เรียกว่า comercial value นั่นเองครับ Agent ก็ชอบ ตรวจเมื่อไหร่ก็ผ่าน ลูกค้าก็ชอบ ยิ่งตอบโจทย์ได้มาก แสดงว่าลูกค้ายิ่งเอาไปใช้ได้มาก ขายดีเลยละครับทีนี้ มีไม่กี่ร้อยรูป ก็สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือนได้
แต่ถ้าตอบไม่ได้ว่าใคร จะเอารูปเราไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ เรายังนึกไม่ออก ตอบไม่ได้ มันก็เหมือนเหนื่อยฟรีเลยครับ มีรูปในพอร์ทตั้งเยอะ ได้เงินไม่เท่าไหร่ ไม่คุ้มกับแรง กับเงิน กับเวลาที่เสียไป
เสียเวลาวิเคราะห์นิดนึง แล้วจะทำงานสบาย และมีประสิทธิภาพขึ้นเยอะครับ ทำงานน้อยๆ แต่ก็ยังได้เงินเยอะ จะได้มีเวลาเหลือเยอะๆ เอาไว้ใชชีวิต ไปเที่ยว ไปอยู่กับครอบครัว ไปอยู่กับคนที่เรารัก หรือช่วยเหลือผู้อื่นกันครับ
มีไม่กี่อาชีพที่จะสนุก มีอิสระ และสุขสบาย เหมือนอย่างพวกเรานะครับ มาโกยเงินล้านเข้าประเทศกันดีกว่าครับ เย้ๆๆ ^o^
เอาไว้เตือนใจสำหรับตัวเอง (*´▽`*)
เครดิตภาพและบทความจาก : Ekkrub Cm
- กรกฎาคม 15, 2558
- 0 Comments